สังข์ศิลป์ชัย วัดสนวนวารีพัฒนาราม (ผนังด้านนอกสิม)
สังศิลป์ชัยหรือ สังข์ศิลป์ไชย เป็นวรรณคดีชิ้นเอกของอาณาจักรล้านช้างเรื่องหนึ่ง ประพันธ์ขึ้นโดยเจ้าปางคำแห่งเมืองหนองบัวลุ่มภู ในราว พ.ศ. 2192 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ทุกถ้อยคำที่ใช้ในหนังสือเล่มนี้มีความหมายไพเราะ แม้ว่าในบทที่แสดงความโกรธแค้นก็ใช้ถ้อยคำสุภาพไม่หยาบคาย และผู้รจนาหนังสือเล่นนี้ยังเป็นปราชญ์ที่มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแตกฉานในภาษาบาลี มีความรู้ภาษาสันสกฤตและราชประเพณีเป็นอย่างดี
ประวัติ
แต่เดิมนั้นสังข์ศิลป์ชัยมีการแต่งขึ้นที่เป็นร้อยแก้ว และมีการแต่งปรับปรุงโดยมีการเขียนแบบร้อยกรองขึ้นภายหลัง โดยที่ได้ให้ศัพท์โบราณและศัพท์ทางพุทธศาสนาที่ลึกซึ้ง แต่มีความงามในทางอักษรศาสตร์อันเป็นสุนทรียะในบทประพันธ์และมีเนื้อเรื่องชวนติดตาม อันดัดแปลงมาจากปัญญาสชาดก ปัจจุบันพบหลักฐานเนื้อเรื่องเป็นดั้งเดิมเป็นภาษาไทยคือ (นะมัดถุ) เรื่องสังข์ศิลป์ชัยได้รับความนิยมในลาวเช่นกันและทางลาวก็ได้แต่งเพิ่มได้แก่ ยักกะสันบั้น สุบินบั้น บรรพชาบั้น วิปวาสาบั้น ซึ่งที่ลาวได้แต่งขึ้นก็ได้รับความนิยมจากทางอีสานจนมาถึงอยุธยาโดยมีผู้คัดลอกเขียนใส่ใบลานต่อ ๆ กันมาและได้แปลเป็นภาษาไทย และได้จัดรวบทั้งที่ไทยแต่งและลาวแต่งเป็นเรื่องเดียวที่สมบูรณ์
เรื่องย่อ
ที่นครเปงจาล พระยากุศราช เป็นเจ้าเมือง มีน้องสาวรูปงามชื่อนางสุมุณฑา วันหนึ่งนางไปชมสวน มียักษ์กุมภัณฑ์มาอุ้มเอานางไปยังเมืองอโนราช แล้วแต่งตั้งเป็นมเหสี พระยากุศราชเสียใจมาก จึงออกบวชติดตามไปถึงเมืองจำปา และได้พบธิดาทั้ง ๗ ของนันทะเศรษฐี จึงสึกและขอนางเป็นมเหสี พระยากุศราชเรียกมเหสีทั้ง ๘ มา ให้ทุกนางตั้งจิตอธิษฐานขอเอาลูกชายผู้มีบุญฤทธิ์มาเกิด เพื่อจะได้ติดตามเอานางสุมุณฑากลับคืนมา พระอินทร์ได้ส่งเทพ ๓ องค์มาเกิดในท้องนางทั้งสอง องค์หนึ่งเกิดเป็นสีโห (หัวเป็นช้าง) เกิดในท้องเมียหลวง องค์สองศิลป์ชัย (เป็นคน) และสังข์ทอง (หอยสังข์) เกิดในท้องเมียน้อย เมียหกคนได้คนสามัญมาเกิด โหรหลวงได้ทำนายว่าลูกที่เกิดจากเมียน้อยและเมียหลวงจะเป็นผู้มีบุญ คำทำนายของโหร ไม่เป็นที่พอใจของมเหสีทั้งหก
มเหสีทั้งหกจึงว่าจ้างให้โหรทำนายใหม่ โหรเห็นแก่อามิสสินจ้างจึงทำนายใหม่ว่าลูกที่เกิดจากมเหสีทั้ง ๖ มีฤทธิ์เดชมาก ลูกที่เกิดจากนางจันทาและนางลุน เป็นทั้งคนทั้งสัตว์ เกิดมาอาภัพอัปปรีย์และจัญไร เมื่อประสูติ พระยากุศราชจึงขับไล่นางจันทา นางลุน พร้อมพระโอรสออกจากเมือง พระอินทร์เล็งเห็นความทุกข์ยาก จึงมาเนรมิตเมืองไว้ต้อนรับให้ได้อยู่อาศัย ยังเมืองนครศิลป์แห่งนี้ พระยากุศราชเมื่อขับไล่เมียแล้วให้โอรสทั้งหกไปตามเอาน้องสาวของตนคืนจากยักษ์กุมภัณฑ์ โอรสทั้งหกหลงทางมายังเมืองนครศิลป์ และได้โกหกศิลป์ชัย ให้ส่งสัตว์ป่าเข้าเมืองด้วยเพื่อเป็นพยานว่าพวกของตนได้พบกับศิลป์ชัยแล้ว เมื่อถึงเมืองโอรสทั้งหกก็โอ้อวดกับบิดาว่า พวกเขามีอำนาจเรียกสัตว์ทุกชนิดเข้าเมืองได้ ทุกคนก็หลงเชื่อว่าโอรสทั้งหกมีอำนาจ เมื่อบิดาสั่งให้โอรสทั้งหกติดตามหาอา
พวกเขาก็มาโกหกศิลป์ชัยว่าบิดาสั่งให้ศิลป์ชัยไปตามหาอา ถ้าได้อาคืน ความผิดที่แล้วมาพ่อจะยกโทษให้ ศิลป์ชัยและน้องไปถึงด่านงูซวง กุมารทั้งหกไม่กล้าเดินทางต่อไป ให้สังข์ทองกับศิลป์ชัยเดินทางต่อไปรบกับยักษ์ฆ่ายักษ์ตาย เอาอาคืนมาได้ เมื่อถึงแม่น้ำใหญ่ กุมารทั้งหกผลักศิลป์ชัยตกเหว และบอกอาว่าศิลป์ชัยตกน้ำตาย อาไม่เชื่อจึงเอาผ้าสะใบ ปิ่นเกล้าและช้องผมเสี่ยงทายไว้ เมื่อกลับมาถึงเมือง พระยากุศราชได้จัดงานต้อนรับ และทราบความจริงว่ากุมารทั้งหกเป็นคนโกหกมาโดยตลอดจึงถูกลงโทษขังคุกพร้อมมารดาของตน พระยากุศราชพร้อมน้องสาวเชิญเอานางจันทาและนางลุน พร้อมศิลป์ชัย สีโหและสังข์ทองเข้ามาในเมือง อภิเษกศิลป์ชัยให้เป็นเจ้าเมืองเปงจาล
ต่อมาศิลป์ชัยได้ปล่อยให้คนทั้งหมดออกจากคุก ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา ส่วนยักษ์กุมภัณฑ์นั้น พระยาเวสสุวัณได้ชุบชีวิตคืนชีพขึ้นมา คิดถึงนางสุมุณฑาผู้เป็นมเหสี จึงไปสู่ขอนางจากศิลป์ชัย และทั้งสองอยู่เป็นสุขตราบสิ้นอายุ
การพรรณา
การพรรณนาความสวยงามของธรรมชาติ
กอยแฮงขึ้นเขาวงเวระบาด หอมเกษแก้วโฮยเฮ้าทั่วทรวง
กงสะถานกั่วเกี้ยงลมเลียบตาด บานเบงต้นแคค้อมแค่ผา
สะพากหญ้าเขียวคู่คอยูง ลางลือประดับดอกกาวแกมแก้ว
สาระพันผึ้งผายแคคันธะชาติ แมงภู่แส้วแสวงซ้อนส่วนสน.....
พรรณนาถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนในสังคมของชาวอีสานว่า
......พวกหนึ่งให้แต่งตั้งประดับช่อทุ่งไซ เลียนเป็นถันเฮื่อเฮืองเหลืองเหลื่อม
ขาวเหลืองแหล่แดงออนอิดอ่อนก็มี เดียระดาษล้อมสองข้างแค่ทาง
พวกหนึ่งตั้งหลาดแก้วขายจ่ายเอาของ ยูงถ่างทางเป็นจารไถ่เอาลือไฮ้
พวกหนึ่งนั้นตั้งหลาดจ่ายคำเหลือง 5 บาทเป็งต่อ 1 บาทคำเหลืองแท้
ฝูงหมู่โยธาชาวเป็งจาลไถ่เอาเหลือล้น พวกหนึ่งนั้นตั้งหลาดจ่ายทองแดงก็มี
ทั้งทองเหลืองอะเนกนองกองล้น พวกหนึ่งตั้งหลาดชิ้นบ่อมีต้อนปาแกม
มีแต่มังสังทั้งสุราใส่ในแสนตื้อ พวกหนึ่งให้แต่งตั้งหลาดจ่ายขายปาก็มี
ทั้งพูวันหมากยามีพร้อม พวกหนึ่งขายแต่กาสาผ้าแฮลวงลายเทศ
ทั้งแผ่นเสื้อแพลั้วยอดตอง......
ประวัติ วัดสนวนวารีพัฒนาราม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
|
|
ถ่ายภาพเมื่อ : 10 กุมภาพันธ์ 2558
สถานที่ตั้ง : บ้านหัวหนอง หมู่ที่ 1 อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
ถ่ายภาพเมื่อ : 10 กุมภาพันธ์ 2558
วันติดตั้งหน้าเว็บ : 28 พฤศจิกายน 2556
จำนวนผู้เข้าชม : 8575 ครั้ง
หมายเหตุ : เว็บมาสเตอร์เดินทางไปชมและถ่ายภาพเอง, ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
|
28-11-2013 Views : 8576