พระธาตุศรีแก้ว จ.ร้อยเอ็ด
ตั้งอยู่ในเมืองโบราณสีแก้วทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเมืองร่วมสมัยกับเมืองร้อยเอ็ด กำหนดอายุประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ ปี ลักษณะของเจดีย์คล้ายกับเจดีย์พระธาตุพนมและกลุ่มเจดีย์ที่พบในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออายุราว 200 ปี เจดีย์มีความสูงประมาณ 17 เมตร ต่อมาได้เกิดการร้างจากส่วนฐานและพังทลายลงเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2547 ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ขณะนั้นคือ ท่านอนุรักษ์ จุรีมาศ ได้สั่งการให้กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 10 ร้อยเอ็ด ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีและจัดทำรูปแบบเพื่อการบูรณะ เป็นเงินประมาณ 1,200,000 บาท โดยใช้เงินกองทุนโบราณคดี โดยได้เริ่มการขุดค้นและบูรณะตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2547 และเสร็จสมบูรณ์พร้อมยกฉัตรเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548 โดย ฯพณฯท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน
แรม 8 ค่ำเดือน 8 ตรงกันเหลือเชื่อเป็นองค์ "สีแก้ว" "200ปี" พังราบ!
พระธาตุศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 200 ปี พังถล่มต่อหน้าอุบาสกอุบาสิกาที่เตรียมลงบูชาพระธาตุเนื่องในวันพระนับสิบสุดระทึก เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ชาวบ้านลืออาถรรพ์ถล่มเดือนเดียวกับพระธาตุพนมเมื่อเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา แถมวันเกิดเหตุตรงกับวันพระข้างแรม 8 ค่ำ เดือน 8 วันที่ 8 วอนทางการเร่งบูรณะครอบซากที่เหลืออยู่ก่อนถูกมือดีลอบขุดของมีค่าภายใน
เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 8 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่อุบาสกอุบาสิกาชาว ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด กว่า 50 คน กำลังทยอยลงจากศาลาการเปรียญวัดบ้านสีแก้ว หมู่ 1 ต.สีแก้ว หลังจากฟังเทศน์เนื่องในวันพระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อประกอบศาสนกิจในการบูชาองค์พระธาตุสีแก้วตามที่เคยปฏิบัติมาเป็นประจำ ทันใดนั้นได้เกิดเสียงดังคล้ายเสียงฟ้าคำรามก่อนฝนตก ตามด้วยเสียงลั่นเปรียะที่องค์พระธาตุ ก่อนที่องค์พระธาตุที่อยู่ต่อหน้าต่อตาจะพังทลายลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางความตกตะลึงของชาวบ้าน บางคนถึงกับหันหลังวิ่งหนีตายสุดชีวิต
พระสมัย จักกวโร อายุ 35 ปี พระลูกวัดที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า อาตมาเดินนำหน้าอุบาสกอุบาสิกาลงจากศาลาการเปรียญซึ่งอยู่ห่างจากองค์พระธาตุไม่ถึง 15 เมตร ได้ยินเสียงคล้ายฟ้าคำราม จึงเงยหน้าขึ้นมองไปที่องค์พระธาตุ และทันใดนั้นองค์พระธาตุก็พังถล่มลงไปทางทิศใต้ ห่างจากจุดที่ชาวบ้านและอาตมายืนอยู่ไม่ถึง 20 เมตร หากองค์พระธาตุพังเฉียงกว่านั้นเล็กน้อยคงมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และอาจทำให้ตัวโบสถ์ซึ่งอยู่หลังองค์พระธาตุได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน
นางพุด คำอำไพ อายุ 64 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนหนึ่งเล่าว่า แทบหมดสติที่เห็นองค์พระธาตุสีแก้วพังทลายลงไปต่อหน้า ทั้งตกใจและเสียใจ เพราะตั้งแต่จำความได้ก็ได้เข้ามากราบไหว้บูชาองค์พระธาตุสีแก้วกับแม่และยายตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ไม่คิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ เสียงดังมากเหมือนเสียงฟ้าผ่าแล้วแผ่นดินไหว ตอนนี้ยังตั้งสติไม่ค่อยได้ มันเหลือเชื่อที่สุดในชีวิตตน
นายประพันธ์ นามบุญลา อายุ 61 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.สีแก้ว อ.เมือง กล่าวว่า หลังทราบข่าวองค์พระธาตุสีแก้วถล่ม ได้แจ้งไปทางอำเภอเมืองร้อยเอ็ดเพื่อแจ้งไปยังกรมศิลปากร ให้มาดำเนินการตรวจสอบและเร่งบูรณะองค์พระธาตุ โดยในขณะนี้ได้จัดตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านในการแบ่งกำลังชาวบ้าน, อบต. และสายตรวจตำบล เข้ามาดูแลสถานที่โดยรอบพร้อมทั้งนำเชือกและป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาติดไว้รอบๆ บริเวณ เพื่อความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และเพื่อป้องกันมิจฉาชีพหรือมารศาสนาเข้ามาลักลอบขุดค้นวัตถุโบราณหรือสิ่งมีค่าภายในองค์พระธาตุ โดยชาวบ้านมีความต้องการให้ทางการบูรณะในลักษณะครอบองค์พระธาตุในส่วนที่ยังไม่พังถล่ม ซึ่งก็คือบริเวณส่วนที่สูงขึ้นมาจากฐานประมาณ 3-4 เมตร โดยไม่ต้องขุดหรือเคลื่อนย้ายวัตถุภายในองค์พระธาตุซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการลักลอบขุดค้นและลักเอาสิ่งของภายในองค์พระธาตุในภายภาคหน้าต่อไป
ต่อมาได้มีชาวบ้านจากทั่วสารทิศเดินทางมาดูซากปรักหักพังขององค์พระธาตุสีแก้วอย่างไม่ขาดสาย พร้อมกับนำธูปเทียนมาบูชากราบไหว้ขออย่าให้เกิดเภทภัยร้ายต่างๆ ตามความเชื่อของคนโบราณ ขณะที่บางคนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงอาถรรพ์การพังถล่มขององค์พระธาตุสีแก้วในครั้งนี้ว่าเกิดในเดือนเดียวกันกับที่องค์พระธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งเปรียบเสมือนพระธาตุองค์พี่ที่ได้พังถล่มลงในวันที่ 11 ส.ค. 2518 และนับเป็นเหตุบังเอิญอันน่าอัศจรรย์ใจที่องค์พระธาตุสีแก้วพังถล่มลงในวันที่ 8 เดือน 8 ตรงกับวันข้างแรม 8 ค่ำ โดยเป็นตัวเลข 8 เลขเดียวกันทั้ง 3 ลักขณา
สำหรับพระธาตุสีแก้ว ตั้งอยู่ที่วัดสีแก้ว หมู่ 1 ต.สีแก้ว อ.เมืองร้อยเอ็ด เป็นพระธาตุทรงบัวเหลี่ยม ฐานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกัน 2 ชั้น ชั้นที่ 3 เป็นรูปทรงระฆังคว่ำ ชั้นที่ 4 เป็นยอดพระธาตุ รูปปลีปลายแหลม ฐานกว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร พื้นฐานถึงปลายยอดสูง 20 เมตร มีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็กกว่า มีอายุประมาณ 200 ปี
ชาวบ้านเชื่อว่าสร้างเลียนแบบพระธาตุพนมขนาดย่อส่วน ภายในบรรจุอัฐิธาตุของพระอรหันต์และวัตถุโบราณจำนวนหนึ่ง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้าน ต.สีแก้ว ซึ่งตามตำนานเคยเป็นหัวเมืองใหญ่หัวเมืองหนึ่งของเมืองสาเกต (เมืองร้อยเอ็ดในปัจจุบัน) และตำบลใกล้เคียง ให้ความเคารพกราบไหว้บูชาอยู่เป็นประจำ โดยนิยมบนบานขอให้ประสบผลสำเร็จในเรื่องหน้าที่การงาน และมักแก้บนด้วยเครื่องคาวหวานและผลไม้ต่างๆ
สถานที่ตั้ง : วัดสีแก้ว หมู่ 1 ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด
ถ่ายภาพเมื่อ : 29 เมษายน 2556
วันติดตั้งหน้าเว็บ : 15 เมษายน 2558
ปรับปรุงล่าสุด :
จำนวนผู้เข้าชม : 7585 ครั้ง
หมายเหตุ : เว็บมาสเตอร์เดินทางไปชมและถ่ายภาพเอง
