ฮุปแต้มอีสาน, สิมอีสาน (Isan Mural Painting and Isan Temple Architectures)
 สิม หอไตร ฮูปแต้ม

(วางเมาส์บนรูปภาพ เพื่อดูส่วนขยายภาพ)

+ เพิ่ม | - ลด ขนาดตัวอักษร      


วัดโคกศรีษะเกษ (วัดอยู่ในป่า)
      วัดโคกศรีสะเกษเป็นวัดเก่าแก่ อุโบสถเก่าสร้างขึ้นในราวพ.ศ. 2332 ล้อมรอบพระอุโบสถมีใบเสมาจารึกเป็นภาษาขอม ใกล้กันมีศาลาไม้ที่ภาพจิตรกรรมเขียนไว้บนเพดาน ฝีมือช่างพื้นบ้านที่บรรจงเขียนภาพสีธรรมชาติ เป็นภาพเกี่ยวกับจินตนาการสัตว์ป่าหิมพานต์ ตรงมุมหลังคาด้านหนึ่งมีสลักจารึกไม่ปรากฏนามศิลปิน มีเฉพาะปีที่วาดภาพคือ พ.ศ.2446 ศาลาไม้หลังนี้อยู่ระหว่างอาคารพิพิธภัณฑ์และอุโบสถเก่า ชาวบ้านเรียกศาลานี้ว่า หอแจก หรือโรงทาน
      ท่านเจ้าอาวาสเล่าว่าก่อนหน้าปีพ.ศ. 2544 ทางวัดใช้กุฏิเก่าเป็นที่เก็บพระพุทธรูปโบราณ พระพุทธรูปคู่บ้าน กับเครื่องทองเหลืองและวัตถุโบราณมีค่าอื่นๆ แต่ก็เกิดความขัดแย้งระหว่างวัดกับชาวบ้าน ด้วยว่าชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยที่ทางวัดจะนำสิ่งของโบราณออกมาจัดแสดง เนื่องจากกังวลว่าจะถูกลักขโมย แต่แล้วทุกฝ่ายก็ต้องสูญเสียโบราณวัตถุเนื่องจากอัคคีภัย ดังนั้นสิ่งที่เก็บอยู่ในอาคารพิพิธภัณฑ์ ณ ปัจจุบัน จึงเป็นวัตถุบางชิ้นที่เหลืออยู่ซึ่งมีไม่มาก สิ่งของเหล่านี้เก็บรวมกับของใหม่ที่ท่านพระครูไปหามาและมีคนนำมาบริจาคให้ อย่างเช่น ถ้วยชามลายเบญจรงค์ ตะลุ่มสำหรับใส่สำหรับอาหารถวายพระ ขันสำหรับพิธีรดน้ำ ตะคุใส่น้ำ อูบใส่อาหาร กระติบข้าวเหนียว เครื่องปั้นดินเผาของอำเภอด่านเกวียน สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดเมื่อเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์คือ ธรรมาสน์ ซึ่งมีทั้งเก่าและใหม่ ใช้ในงานเทศน์มหาชาติ นอกจากนี้ยังมีกระเชอขนาดใหญ่ ใช้สำหรับใส่ข้าวเปลือกข้าวสาร ส่วนของใช้พื้นบ้านสมัยก่อนที่เราไม่เห็นใครใช้กันแล้วจะเก็บอยู่ในตู้ มีเชี่ยนหมาก ตะเกียง กระพรวน กระบอกไม้ใส่เอกสาร โกศใส่กระดูก ผ้าไหม
      ด้านนอกอาคารเป็นสวนป่า มีพันธุ์ไม้ต่างๆ กว่า 500 ชนิด มีเส้นทางเดินผ่านพรรณไม้ในสภาพของความร่มรื่นมีชีวิตชีวา ท่านเจ้าอาวาสเป็นผู้นำชม โดยท่านจะยกตัวอย่างพันธุ์พืชแต่ละชนิดอย่างพร้อมสรรพคุณและประโยชน์ใช้สอย ที่โดดเด่นมากคือ ต้นลาน เชื่อว่าการที่วัดไหนมีต้นลาน นั่นแสดงว่าวัดนั้นมีนักปราชญ์ เพราะพระจะนำใบลานมาเขียนหนังสือ สำหรับต้นลานที่นี่ถือว่าต้นใหญ่มาก ขนาดที่ต้องแหงนคอตั้งบ่าจึงจะเห็นเรือนยอด นอกจากนี้ในบริเวณวัดยังมีเรือนไม้กับศาลาครึ่งวงกลมในรูปแบบสวยงามมีเอกลักษณ์ เป็นเรือนพักรับรองสำหรับคนที่เดินทางมาจากที่ไกลๆ และต้องการพักค้างคืน มานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน รูปแบบของสิ่งก่อสร้างที่เห็นท่านพระครูเป็นผู้ออกแบบด้วยตนเอง
      ในประเพณีสำคัญของท้องถิ่น วัดนี้จะเป็นศูนย์กลางในการจัดงาน โดยบางครั้งจะได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น วันงานข้าวหลาม วันสำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ งานประเพณีเทศน์มหาชาติ งานประเพณีสลากภัต เป็นต้น

ข้อมูลจาก : สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2552      สาวิตรี ตลับแป้น /ผู้เขียน


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

      Wat Kok Sisaket is a very old temple. Its main assembly hall, built around 1789, has around it boundary stones inscribed in Khmer scripts. Nearby, there is an open wooden structure with paintings on the ceiling. Apparently they were the work of some local artists, depicting the imaginary scenes of the legendary Himmapan jungle wildlife. The artists, anonymous, used natural colours or paints. On one roof side there is an inscribed bolt without the artist’s name. Visible is only the year it was done – 1903. This wooden sala stands between the main building and the old assembly hall. The local folks call it “hospitality hall” or alms hall.
      The abbot had this story that before the year 2001 the temple had had ancient Buddha images, household images, brassware and other old valuables kept in an old monk chamber. But then there occurred a conflict between the temple and some local people who disagreed with the idea that the temple should have had the antiques shown publicly, for fear of thefts. But later all parties concerned met with a common big loss of these rare things because of a fire. What was spared after the fire damage was but a few pieces, which are now kept with some other new things acquired by the Phra Kru and the donated items from the people. These include benjarongware, receptacles for meals offered to monks, sacred water bowls, drinking water containers, food containers, sticky rice bamboo containers, and Dan Kwian pottery. When entering the museum, some most striking things one sees are the sermon seats, old and new, used in the Mahachart sermon rite. Other items include large-sized bamboo baskets for paddy and no longer used local utensils kept in cabinets – things such as betel leaf and areca nut bamboo baskets, lamps, round bells with jinglets inside, wood cylinders for keeping important papers, mortuary urns, and silk.
      Outside the building one sees a forest garden with over 500 kinds of trees. A walking trail takes one through the cool greenery full of life. The abbot was the guide taking visitors around while, at the same time, citing the name of a particular tree and explaining its qualities and usefulness. There very prominently significant is the palm tree. It is the belief that any temple having a palm tree would mean that the place has a scholar living there. This is due to the fact that palm leaves were used before by monks to write on. The one palm tree here is considered a very big one; one has to look up so high before one can see its top. In the temple compound there are also a wooden house and an open semicircle roofed structure or a sala uniquely beautiful. They are meant for guests coming from far and needing a place to stay overnight. Here they can sit down and rest and discuss things. The architectural style was designed by the Phra Kru himself.
      During the time of some local rites or ceremonies, the temple becomes the activity centre. These activities are sometimes funded by the local administrative offices. They are such occasions as the Kao Larm Day (kao larm is glutinous rice roasted in a bamboo joint), the Royal Days of Their Majesties, the Mahachart sermon rite, the Salak Pat Day (salak pat is the presentation of food to monks by lots), etc.

       สิม ถ่ายภาพเมื่อ : 29 สิงหาคม 2558
       สิมโบราณ อายุ 226 ปี เป็นสิมทึบขนาดใหญ่ ลักษณะก่ออิฐถือปูนหลังคามุงด้วยกระเบื้องเผา มีประตูทางเข้า - ออก ทั้งด้านหน้าและด้านหลังฝั่งละ 2 ประตู ตรงบริเวณซุ้มประตูทั้ง 4 ซุ้ม ประดับด้วยถ้วยชามจีนและปั้นลวดลายปูนไว้รอบๆ มีบางจุดถ้วยชามจีนได้หลุดออกไป บานประตูและหน้าต่างทำด้วยไม้ มีช่องหน้าต่างฝั่งละ 5 ช่อง โครงสร้างหลังคาทำด้วยไม้ ด้านในสิมมีเสาไม้ค้ำหลังคา เพดานปูไม้เขียนลวดลายประดับสวยงาม ปัจจุบันได้หลุดร่อนไปเกือบจะหมดแล้ว เหลือเค้าโครงให้เห็นได้บ้าง ด้านนอกพบหลักเสมาขนาดใหญ่ 8 หลัก หลักกลางด้านหน้า แกะสลักเป็นรูปฤาษีที่เราคุ้นตาจากปราสาทขอม อโรคยาศาล

หอแจก ถ่ายภาพเมื่อ : 29 สิงหาคม 2558

       หอแจกหรือโรงทาน เป็นอาคารโปร่งทำด้วยไม้มุงด้วยกระเบื้องเผา มีภาพเขียนสีบนเพดานเป็นลายพรรณพฤกษาและสัตว์ตามจินตนาการของช่างเขียน ช่องไฟ การจัดวาง สวยงามมาก ฝีมือเป็นช่างคนเดียวกันกับ สิมวัดนกออก ส่วนระเบียงรอบๆ เขียนภาพพุทธประวัติ, มหาเวสสันดรชาดก เป็นภาพที่มีคุณค่ามาก เพราะมีการจัดวางองค์ประกอบและเนื้อหา การแต่งกายของตัวประกอบต่างๆ น่าสนใจมาก น่าเสียดายที่หลายส่วนของงานจิตรกรรมได้หลุดร่อน เลือนหายไปมาก แต่ก็เป็นการไม่ควรที่จะซ่อมแซมโดยการเขียนทับ เพราะจะสูญเสียความสวยงามแบบดั่งเดิมของฝีมือช่างคนเดิมไป




สถานที่ตั้ง : 73 หมู่ 4 วัดโคกศรีสะเกษ บ้านสระน้อย ต.นกออก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา (เลยวัดนกออกไปประมาณ 800 เมตร มองป้ายวัดเล็กๆ เลี้ยวเข้าซอยขวามือ)
ถ่ายภาพเมื่อ : 29 สิงหาคม 2558
วันติดตั้งหน้าเว็บ : 28 พฤศจิกายน 2556
จำนวนผู้เข้าชม : 3034 ครั้ง
หมายเหตุ : เว็บมาสเตอร์เดินทางไปชมและถ่ายภาพเอง, ข้อมูลจากฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย, เรียบเรียงขึ้นเอง


28-11-2013 Views : 3035
      ร่วมกันสนับสนุนเว็บไซต์นี้ ทำได้ง่ายๆ ด้วยการคลิกลิงค์ด้านล่าง... ขอบคุณครับ



ออกแบบโลโก้ ออกแบบกล่อง ออกแบบถุง ออกแบบสิ่งพิมพ์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ วาดเส้น จิตรกรรม Drawing  Painting รับทำ SEO, ปั่นเว็บ, หน้า 1, อันดับ 1 ฮูปแต้ม, สิมอีสาน, ฮูบแต้ม, ศิลปะอีสาน, สิม, โบสถ์, หอไตร, สถาปัตยกรรมอีสาน
9809/1 Anankanak Rd., Tambol Kalasin, Amphoe Muang, Kalasin Province 46000 Thailand
www.artnana.com

3.149.213.209 =    Friday 19th April 2024
 IP : 3.149.213.209   คนที่กำลังอ่าน   Bookmark and Share   
Russia รัสเซีย  เรียนรัสเซีย  ภาษารัสเซีย ตุ๊กตารัสเซีย ของฝากรัสเซีย